เรือดำน้ำแบบ 206 (
อังกฤษ: Type 206 submarine;
เยอรมัน: U-Boot-Klasse 206) เป็น
เรือดำน้ำเครื่องยนต์ดีเซลของ
เยอรมนี ได้รับการออกแบบและสร้างโดยบริษัท Howaldtswerke-Deutsche Werft (HDW) เป็นเรือดำน้ำขนาดเล็กที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อประจำการในกองทัพ
เยอรมนีตะวันตกเพื่อต่อต้านประเทศ
สนธิสัญญาวอร์ซอในช่วง
สงครามเย็น [1] เหมาะสำหรับทะเลน้ำตื้น โดยเฉพาะใน
ทะเลบอลติก ตัวลำเรือเป็น
โลหะผสม non-magnetic ทำให้ตรวจจับได้ยาก และปลอดภัยจาก
ทุ่นระเบิดแบบ
แม่เหล็กเรือดำน้ำแบบ 206 มีความยาว 48.6 เมตร ระวางขับน้ำ 498 ตัน มีท่อปล่อย
ตอร์ปิโดขนาด 533 มม. จำนวน 8 ท่อเรือดำน้ำแบบ 206 ถูกสร้างขึ้นที่อู่ต่อเรือของบริษัท Howaldtswerke-Deutsche Werft เมือง
คีล ทั้งสิ้น 18 ลำ ระหว่างปี ค.ศ. 1968 ถึง 1975 เริ่มประจำการตั้งแต่ ค.ศ. 1971 และอีก 2 ลำถูกต่อขึ้นที่อู่ต่อเรือของบริษัทวิคเกอร์ที่เมืองแบโรว์
สหราชอาณาจักร เพื่อส่งออกเป็น
เรือดำน้ำชั้นแกล ของ
อิสราเอลระหว่างปี ค.ศ. 1987 ถึง 1992 เรือดำน้ำจำนวน 16 ลำได้รับการปรับปรุงระบบ
โซนาร์ ระบบนำทาง และระบบขับเคลื่อน และถูกตั้งรหัสเรียกขานเป็น
U206A ปัจจุบันคงเหลือประจำการในกองทัพเยอรมนีจำนวน 6 ลำ โดยมีแผนการจะปลดประจำการ เพื่อทดแทนด้วยเรือดำน้ำรุ่นใหม่
แบบ 212 [2] ซึ่งใช้เครื่องยนต์ดีเซล และ
เซลเชื้อเพลิง [3]เรือ U206A หกลำที่เหลือของเยอรมนี สี่ในสองลำได้ถูกพัฒนาให้ทันสมัยอย่างต่อเนื่องตามมาตรฐานNATOเพราะถูกใช้ประจำการในทะเลบอร์ติกซึ่งมีความลึกเฉลี่ยใกล้เคียงกับอ่าวไทยคือประมาณ 55เมตร ส่วนเรืออีกสองลำถูกเก็บไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน ต่อมาเนื่องจากความต้องการที่จะลดการใช้งบประมาณของกองทัพเรือเยอรมัน ประกอบกับการที่ต้องการจะลดความยุ่งยากในการฝึกสายกำลังพลของกองทัพเรือเยอรมันที่จะนำเรือรุ่น
U212ซึ่งเป็นเรือดำน้ำรุ่นใหม่เข้ามาทดแทนเรือU206A ทำให้กองทัพเรือเยอรมันตัดสินใจปลดประจำการเรือดำน้ำU206Aทั้งสี่ลำก่อนกำหนดสิบปีแล้ว โดยได้เสนอขายแก่
กองทัพเรือไทยเนื่องจากความสัมพันธ์ระหว่างมิตรประเทศที่ใกล้ชิดโดยเฉพาะในระดับกองทัพเรือ ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการจัดหาเรือดำน้ำเข้าประจำการของกองทัพเรือไทย โดยการเสนอขายครั้งนี้รวมทั้งหมดมีมูลค่า 7,700 ล้านบาทไทยซึ่งในราคาดังกล่าวรวมถึงการสร้างสิ่งปลูกสร้างที่จำเป็นต่อการประจำการของเรือดำน้ำ อะไหล่ ห้องจำลองสถานการณ์ รวมถึงการปรับปรุงภายในให้สามารถปฏิบัติงานในประเทศเขตร้อนได้ดีขึ้น อาทิเช่นการติดตั้งเครื่องปรับอากาศภายในตัวเรือ นอกจากนี้ทางเยอรมันยังจะช่วยเหลือในการฝึกกำลังผลของไทยในการยุทธด้านเรือดำน้ำที่ไทยขาดช่วงไปเป็นเวลานานถึง 60 ปี ดังนั้นการเสนอขายครั้งนี้จึงเปรียบเสมือนการซื้อมาทั้งกองเรือดำน้ำของเยอรมันมาที่ไทยทั้งเรือ อะไหล่ และสิ่งก่อสร้าง หากได้เข้าประจำการจะนำเข้าประจำการ 4 ลำหมุนเวียนตามวงรอบการใช้งาน และอีก 2 ลำในการฝึกกำลังพลและเรืออะไหล่ โดยมีกองทัพเรืออื่นอาทิ เช่นกองทัพเรือประเทศชีลิ และกองทัพเรือโคลัมเบีย ให้ความสนใจเช่นกัน
[4][5] และในที่สุดเมื่อถึงกำหนดการแจ้งความจำนงค์ต่อรัฐบาลเยอรมันในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2012 ฝ่ายไทยไม่สามารถนำเรื่องเข้าพิจารณาได้ทันเรือในชุด U206A ที่เหลือนี้จำนวน 2 ลำ จึงถูกขายให้กองทัพเรือโคลัมเบียไป อนึ่ง ก่อนหน้านี้เรือจำนวน 4 ลำในชั้นนี้คือ U206 ซึ่งยังไม่ได้รับการปรับปรุงเป็น U206Aโดยกองทัพเรือเยอรมัน ได้ถูกจัดซื้อไปประจำการในกองทัพ
อินโดนีเซีย ใช้ชื่อว่า Nagarongsang, Nagabanda, Bramastra, Alugoro ซึ่งต่อมาอินโดนีเชียได้ปลดประจำการและทดแทนด้วยเรือU209 ซึ่งเป็นเรือที่เยอรมันผลิตขึ้นแต่ขายแต่ถูกต่อโดยเกาหลีใต้เนื่องจากขายสิทธิการผลิตให้ 2 ลำ โดยเรือดำน้ำU209นั้นไม่มีการนำเข้าประจำการในกองทัพเรือเยอรมัน
[6]